ประวัติ อ.อรุณ ลำเพ็ญ


   มกลับมาเล่าเรื่องของท่านอาจารย์อรุณ ลำเพ็ญ ตามที่รับปากคุณเอาไว้ เป็นเรื่องที่
ท่านเขียนลงในหนังสือพยากรณ์สาร ฉบับเดือนกรกฎาคม 2525 โดยใช้หัวข้อเรื่อง
ว่า "ชีวิตโหรเก่าที่ผมรู้จัก" ท่านได้เขียนถึงวิถีชีวิตของท่าน ได้เขียนถึงโหรเก่าๆ และเขียนถึงการได้เล่าเรียนในหลักวิชาโหราศาสตร์ที่ภายหลังท่านนำมาใช้จนมีชื่อเสียงโด่งดังในหมู่นักโหราศาสตร์ในปัจจุบัน ก็ขอเชิญมารับชมรับฟังกันได้ครับ

"ชีวิตโหรเก่าที่ผมรู้จัก" อรุณ ลำเพ็ญ (พยากรณ์สาร กค.2525) ชีวิตโหราศาสตร์ของผมเริ่มต้นมาแต่เด็กวัย ๑๐ ขวบเศษ ผมเกิดและเติบโต จากหมู่บ้านที่ติดกับวัดเชิงเลน (วัดบพิตรภิมุข) บิดาผมคุ้นเคยกับพระรูปหนึ่งในวัดโดยไปมาหาสู่และถวายภัตตาหารเสมอมา ผมว่างผมก็ตามบิดามาเล่นบนกุฏิท่าน ส่วนบิดาก็เสวนาเรื่องโหราศาสตร์ตามที่ท่านชอบกับพระรูปนั้น พอผมหมดเรื่องเล่น ผมก็มานั่งฟังรู้เรื่องมั่งไม่รู้เรื่องมั่งเป็นกิจวัตรประจำ ภิกษุรูปนั้นก็คือ "โหรแดง" แห่งวัดบพิตรภิมุข ผู้โด่งดังในวงการโหรยุคเมื่อ 50 ปีก่อน โหรรุ่นเก่าทุกท่านรู้จักท่านดีว่า ท่านเชี่ยวชาญในการใช้ดาวใหญ่ คือ เสาร์ ราหู พฤหัส เท่านั้นในการพยากรณ์ ซึ่งเป็นที่แม่นยำน่าพิศวง พอชีวิตเริ่มเป็นหนุ่ม ๒๐ เศษ ได้เข้าฝึกงานหนังสือพิมพ์ สยามนิกรยุค ซึ่งคุณ โชติ แพร่พันธุ์ (ยาขอบ) เป็นคนคุมหนังสือฉบับนั้น และมีเพื่อนสนิทคนหนึ่งทำงาน กองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ไทยใหม่ คือคุณจำนง วงศ์ข้าหลวง (ต่อมาท่านได้เป็น นักประพันธ์ผู้มีชื่อเสียงมาก) ผมได้ไปมาหาสู่ จนได้พบนักโหราศาสตร์ท่านหนึ่งในยุค นั้นถือกันว่ามีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก เพราะท่านเขียนเรื่องโหราศาสตร์ไทยไว้เป็นเล่มมาก เล่ม เป็นนักโหราศาสตร์ร่วมยุคกับท่านอายัณโฆษ ใช้นามปากกาว่า "ธงดำ" ผม เรียกชื่อจริงของท่านว่า พี่ชอุ่ม ท่านชอบเสพสุราและผมก็กำลังหัดกินเหล้าจึงถูกชักชวนมาร่วมวง ขณะกินเหล้าพี่ชอุ่มมักชอบสาธยายความรู้ทางโหราศาสตร์เสมอ ไม่เอา ใจใส่ก็เหมือนต้องเอาใจใส่ เพราะต้องเอาใจพี่ชอุ่มซึ่งเป็นเจ้าของเหล้า เสวนากันเป็น แรมปี จนบางครั้งเรามาตั้งวงกินเหล้ากันลำพัง พอใครเอ่ยเรื่องดวงเรื่องดาวขึ้นมา มักถูกเรียกเป็นพี่ชอุ่มเสมอ ต่อมาได้ย้ายงานหนังสือพิมพ์มาทำอยู่หนังสือพิมพ์ สยายรีวิว ของนายชอ้อน อำพล ผู้เป็นน้าชาย เป็นหนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ออกทุกวันเสาร์ ฉะนั้นวันจันทร์ถึงวันศุกร์จึงเป็นวันที่เร่ร่อนเที่ยวไปทุกแห่งเพื่อพบผู้คนมากมายเพื่อหาข่าวมาเขียนในวันเสาร์ น้าชอ้อนเป็นคนกว้างขวางมีเพื่อนมากได้ไปทุกแห่ง แต่พอตกบ่ายมักจะมาหยุดลงที่วัดยานนาวา ที่กุฏิริมแม่น้ำ อันเป็นกุฏิของพระมหาบุญช่วย เพราะที่นี่เป็นที่ชุมนุมผู้คนไปมามากหน้าหลายตาทั้งแขกขาประจำและแขกจรได้เรื่องราวมาเขียนมาก พระมหาบุญช่วยก็คือ "ญาณโชติยศาสตร์" นักโหราศาสตร์ซึ่งต่อมาเขียนตำราโหราศาสตร์ไว้มากมายหลายเล่ม และนักโหราศาสตร์รุ่นเก่ารู้จักกันทุกคน แขกขาประจำมักจะมาสนทนาโต้แย้งสนับสนุนกันถึงเรื่องโหราศาสตร์ไทยกันอย่างสนุกสนาน บางครั้งร่วมวงกว่า ๑๐ คน ส่วนแขกจรมักเป็นคุณหญิงคุณนาย และผู้ใหญ่ที่มาดูดวงกันท่านชอบทายต่อหน้านักโหราศาสตร์อื่นๆ พอทายถูกโดยไม้เด็ดเคล็ดลับ บ้างหัวร่อ เฮฮากันจนคนมาดูอายม้วนก็เคยมีหลายๆครั้ง พอเจ้าตัวกลับไป ท่านก็จะอธิบายดวงโดยนักโหราศาสตร์อื่นๆดูเป็นความรู้ติดตัวไปเสมอ ต่อมาผมได้ย้ายบ้านมาอยู่กับน้าชอ้อนที่บ้านถนนข้าวสาร น้าชอ้อนคุ้นเคยอยู่กับโหรใหญ่ท่านหนึ่ง ผู้ลาออกจากกรมโหรหลวงในขณะที่เป็นรองเจ้ากรมโหรฯ เหตุที่ลา นัยว่าเพื่อหนีตำแหน่งเจ้ากรมโหรฯ เพราะได้รับการทาบทามแล้วแต่ท่านต้องการที่จะหลีกทางให้เพื่อนรัก คุณพระญาณเวทท่านชอบเสพสุราเป็นนิจ จึงถูกอัธยาศัยกับน้าชอ้อนเป็นอันดี บ้านท่านอยู่หลังวัดบวรนิเวศน์ ซึ่งห่างจากบ้านผมเพียงถนนเดียวเอง น้าชอ้อนมักมาติดแหมะอยู่บ้านคุณพระญาณเวทตั้งแต่เย็นจนดึกดื่นเสมอ และเมื่อผมถูกใช้ให้มาตามกลับ มักติดแหมะอยู่ด้วยอีกคน เพราะท่านเป็นคนคุยสนุก ท่านเป็นคนแปลกกว่าผู้มีความรู้ทางโหราศาสตร์ทั่วไป ถ้าไม่ถามเรื่องโหราศาสตร์ท่านก็จะไม่พูดเรื่องโหราศาสตร์เลย แต่เวลาท่านพูดท่านจะพูดและบอกให้อย่างจริงจังและแจ่มแจ้งผมชอบเลียบเคียงถามเรื่องโหราศาสตร์กับท่าน มิใช่ประสงค์จะเรียนรู้เอาจริงเอาจังเพียงแต่ได้สังเกตเห็นว่าคราวใดที่ท่านได้พูดคุยถึงโหราศาสตร์ สีหน้าท่านจะเบิกบานมีความสุขเป็นอันมาก และสิ่งที่ผมต้องการคือ จดจำขี้ปากท่านไว้สนทนากับวงสนทนาอื่นแสดงภูมิเท่านั้น ยังมิได้คิดจะเรียนรู้อย่างจริงจังประการใด ต่อมาหนังสือพิมพ์สยามรีวิวเลิกไป ผมก็เร่ร่อนแต่ส่วนใหญ่ก็มารวมกลุ่มนักสุราบาลที่บ้านถนนดำรงรักษ์ อันเป็นบ้านของ ม.ล.บัว มารดาคุณก้าน พึ่งบุญ ณ อยุธยา(ไม้ เมืองเดิม) สมาชิกแต่ละท่านล้วนเป็นนักเขียนชื่อดังทั้งสิ้น เช่น สุมทุม บุญเกื้อ มนัส จรรยงค์ , ยศ วัชรเสถียร , พาณี นานครั้งคุณเลียว ศรีเสวก (อรวรรณ) คุณเหมเวชกร ก็เคยมาร่วมด้วย ขณะนั้นมีสมาชิกใหม่คือคุณสะอาด จันทรกานตานนท์ เป็นผู้จัดการโรงพิมพ์รองเมือง ชวนให้ตั้งคณะออกหนังสืออ่านเล่น พวกเราจึงตกลงรับปากตั้งคณะรองเมือง มีจดหมายแฟนหลั่งไหลเข้ามามาก คุณก้านเป็นผู้ตอบจดหมาย ตั้งนามปากกาผู้ตอบว่า"นายเถาวัลย์" หนักๆเข้าคุณก้านก็โอนให้ผมเป็นผู้ตอบแทนประมาณปี 2490 เศษ น้าชอ้อน อำพลได้ลงสมัครผู้แทนราษฎรจังหวัดประจวบฯ ความผูกพันที่ผมมีอยู่จึงทิ้งงานไปชั่วระยะหนึ่งเพื่อไปช่วยหาเสียงช่วยน้าชอ้อน นับตั้งแต่ปิดใบปลิวปิดโปสเตอร์ ปาฐกถาและพูดจาแสดงคารมชักชวน เมื่อเข้าตัวจังหวัดสถานที่ชักจูงคนระดับแนวหน้าของจังหวัดนั้น ที่ไหนก็ไม่เหมาะเท่าวัดของหลวงพ่อ วัดเกาะหลักเพราะศิษย์ของท่านไปมาหาสู่ท่านไม่ขาด ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นคนสำคัญของ จังหวัดทั้งสิ้น น้าชอ้อนเคยรับราชการอยู่จังหวัดประจวบ และเป็นศิษย์ของหลวงพ่อวัดเกาะหลัก บางครั้งมากินมานอนอยู่ที่วัดหลายวันหลายๆครั้ง ผมก็ได้ติดตามมาด้วย ทุกครั้ง บนกุฏิของหลวงพ่อเวลาค่ำลงเหมือนมีงานมหรสพผู้คนไปมามากมาย ส่วนใหญ่จะเป็นศิษย์ทางด้านโหราศาสตร์และทางธรรม น้ำชากาแล้วกาเล่า หลวงพ่อนั่งบนอาสนะ รายล้อมไปด้วยศิษย์ จำได้ว่าศิษย์ท่านคนหนึ่งคือ คุณอำนวยพร เป็นผู้จัดการโรงแรมรถไฟหัวหิน เป็นศิษย์โหราศาสตร์มักไต่ถามมากกว่าคนอื่นๆ ท่านก็จะชี้แจงให้ฟังเหมือนครูสอนศิษย์ในชั้นเรียน บรรดาศิษย์ที่สนใจก็จะรุมกันซักสารพันปัญหา ท่านก็จะชี้แจงแตกฉานรอบรู้สมกับเป็นปราชญ์ทางโหราศาสตร์อย่างแท้จริง ต่อมาประมาณปี 2495 ผมก็เปลี่ยนเข็มชีวิตจากนักเขียนและนักหนังสือพิมพ์เข้าทำงานที่บริษัทนิวอีสต์เอเชีย เป็นบริษัทเดินเรือลำเลียง ผมทำหน้าที่เป็นหัวหน้าชิปปิ้ง การทำงานครั้งนี้ได้พบโหรดังเข้าอีกท่านหนึ่ง คือ "อาจารย์เทอม เสตะกสิกร" ในยุคนั้นท่านดังมาก เพราะผลการพยากรณ์แม่นยำเป็นที่เล่าลือมาก คุณเทอมเป็นโหรสมัครเล่น เข้ามารับหน้าที่ในบริษัทเป็นคนไปติดต่อกรมเจ้าท่าเพื่อตรวจเรือของบริษัท คุณเทอมสามารถทำงานนี้ได้ดีเป็นพิเศษ เพราะอาศัยความคุ้นเคยชอบพอกับคุณหลวงดรณี ซึ่งท่านเป็นผู้รอบรู้วิชาโหราศาสตร์เป็นเอกอีกท่านหนึ่งในสมัยนั้น ขณะนั้นท่านมีตำแหน่งนายช่างใหญ่หรือรองอธิบดีกรมเจ้าท่า ผมก็เลือนๆไปบ้างตอนนั้นเนื่องจากผมถูกโหราศาสตร์ครอบงำมาก จึงสนใจอาจารย์เทอมมาก เลียบเคียงจะขอเรียนด้วย แต่คุณเทอมมักปิดประตูหมดจนผมไม่มีโอกาสจนแล้วจนรอดจนท้อไปเอง คนสุดท้ายนี้ ประหลาดกว่าท่านอื่นๆเป็นอันมาก คือ มิได้เป็นทั้งโหร มิได้เป็นหมอดู แต่เป็น ช่างก่อสร้าง ในปี 2500 ผมมาดำเนินธุรกิจของตนเอง โดยได้ร่วมหุ้นตั้งบริษัทโรงพิมพ์อำพล พิทยา จำกัด ขึ้นที่บ้านน้าชอ้อน ที่ถนนข้าวสาร จำเป็นต้องปลูกสร้างตัวโรงพิมพ์และต่อเติมบ้านผมเองในบริเวณที่ว่างในบ้านใหญ่ มีเพื่อนชักนำช่างรับเหมาก่อสร้างมาให้คนหนึ่ง ท่าทางเป็นคนต่างจังหวัดเต็มตัวดูท่าทางขยันขันแข็งดี ทั้งๆที่วัยล่วงเข้า 50 ปีเศษแล้ว ช่างไม้ช่างปูนล้วนแต่เป็นลูกหลานทั้งสิ้น ท่านชื่อว่า "อิน" ผมเลยเรียกว่า ครูอิน การก่อสร้างต่อเติมบ้านจำเป็นต้องรื้อห้องหนังสือผมออกเสียก่อน ครูอินแกยืนคุมให้รื้อและช่วยผมยกย้ายหนังสือต่างๆในตู้ซึ่งมีอยู่ร่วมพันเล่ม เมื่อแกได้เห็นหนังสือโหราศาสตร์ที่ผมสะสมไว้ทั่วทุกสารทิศมีมากมาย แกยิ้มๆถามผมว่า ถ้าคงจะเก่งโหราศาสตร์ ผมตอบแกตามตรงว่า ยังไม่ได้เรื่องอะไรเลย ยิ่งเรียนยิ่งโง่ลงทุกที คิดจะเลิกหลายหน ครูอินกลับซักไซร้ผมว่า เรียนมาทางสายไหน ผมยิ่งงงหนัก ไม่เข้าใจว่าโหราศาสตร์ มีสายมีทางเหมือนทางดนตรีไทยหรือไร ครูอินอธิบายให้ฟังว่าโหราศาสตร์มีหลายสายคือสายทางภาคเหนือ สายทางภาคกลางและสายทางภาคใต้ ส่วนสายทางภาคอีสานมีน้อยมักเป็นเลข ๗ ตัวเสียมาก แต่ละภาคมักจะมีทางเล่นทางพยากรณ์แตกต่างกันบ้างในวิธีการพยากรณ์ ผมชักเอะใจ ครูอินเป็นช่างก่อสร้าง ทำไมดูรอบรู้เรื่องราวของโหราศาสตร์กว้าง ขวางนัก ผมจึงถามเอาตรงๆว่า ครูอินมีความรู้ทางด้านโหราศาสตร์บ้างหรือเปล่าแกรับโดยไม่ลังเลเลยว่า เมื่อหนุ่มๆเคยเรียนมาเพราะถูกบังคับให้รับถ่ายทอดจากน้าชายซึ่งขณะนั้นอยู่นครศรีธรรมราช และครูอินท่านมีพื้นเพเป็นคนนครฯ ครูอินท่านว่า เรียนมาแล้วก็มิได้ใช้เป็นกิจลักษณะ นอกจากเข้าวงอับวงรา จำเป็นจึงใช้ ทั้งนี้เพราะท่านไม่ชอบเป็นหมอดู ท่านว่ามักอาภัพไม่ร่ำรวยเหมือนอาชีพอื่น ผมซักไซร้ทุกด้านทุกมุมของโหราศาสตร์เท่าที่ปัญญาและความรู้ที่ผมมีอยู่ขณะนั้น ข้อความที่อธิบายสูงข้ามหัวผมไปทุกเรื่องทุกปัญหา จนผมเองยอมรับว่า ครูอินมีความรู้ความสามารถในวิชาโหราศาสตร์ไทยอย่างเจนจัดแท้จริง ผมเอ่ยปากขอเรียนกับท่าน แต่ท่านไม่รับปากทันทีกลับย้อนถามผมว่า อาชีพผมก็ร่ำรวยแล้ว จะเรียนเอาไปทำอะไร ผมตอบตามจริงว่า เอาไว้ช่วยทุกข์ของคนที่เขามีทุกข์มาจะได้รู้ทันชีวิต ครูอินท่านว่า ถ้าความตั้งใจเรียนเป็นกุศลจิตก็พอจะเรียนได้ ท่านรับปากจะสอนให้จนหมดพุง ส่วนจะดีเลวกว่าทางโหรกรุงเทพหรือเปล่าท่านไม่รู้ รุ่งขึ้น ครูอินให้ผมจัดธูป เทียน ดอกไม้ อย่างละ ๙ ดอก พากันไปในโบสถ์วัดชนะฯ ท่านให้จุดธูปเทียนบูชาพระประธานในโบสถ์ และรับสัจจะทีละข้อ
๑. อย่านำเอาวิชานี้ไปใช้ในทางทุจริตผิดศีลธรรม ทั้งเพื่อตนเองหรือผู้อื่น
๒. เวลาพยากรณ์ผู้ใด อย่าพึงมี โลภะ โทสะ โมหะ เพราะจะทำให้จิตเอนเอียง จะทำให้พิจารณาผิดพลาด
- โลภะ คือเห็นเขาเป็นเศรษฐีหรือผู้มีอำนาจ หวังได้ลาภยศเกินกว่าควรจะได้
- โมหะ คือมีความหลงผิดในผู้มาให้พยากรณ์ หรือหลงว่าตนเก่ง
- โทสะ คืออย่าเกิดความโกรธ ความเกลียด ความรัก ผู้มาให้พยากรณ์ จะเกิดจิตใจเอนเอียงในคุณในโทษ ทำให้พยากรณ์ผิด
๓. ข้อสุดท้ายเป็นข้อที่สำคัญยิ่งคือ เมื่อดาวพฤหัสเดินครบรอบจากวันที่ผมเรียนนี้ให้สอนถ่ายทอดวิชานี้ไว้แก่ศิษย์ให้จงได้ เพราะวิชานี้เป็นกุศล เมื่อศิษย์คนใดใช้เป็นกุศลแก่ผู้อื่น อาจารย์เก่าต้นตำรับท่านจะได้กุศลด้วยเสมอ
การเรียนโหราศาสตร์ไทยกับครูอินครั้งนี้ เป็นการเรียนครบถ้วนกระบวนความทุกประการ กฎเกณฑ์การอ่านดวงเดิมและการพยากรณ์จร อันเป็นวิธีที่วิจิตรพิสดารอย่างมิได้เคยเรียนรู้มาก่อนนับแต่นั้นเป็นต้นมา ชีวิตโหราศาสตร์ของผมก็ได้แตกฉานรอบรู้เป็น หมอเถา(วัลย์) ตั้งแต่นั้นได้พยากรณ์แก่ผู้ใกล้ชิดและเพื่อนฝูงเสมอมามิได้ขาด แต่มิได้เป็นหน้าเป็นตา เพราะขณะนั้นผมมีกิจธุระทำโรงพิมพ์ของตนเอง โหรเอกคนสุดท้ายที่ได้พบกันคือ คุณประทีป อัครา ผมได้สมัครเข้าเป็นสมาชิกของสมาคมโหรแห่งประเทศไทย ประมาณปี พ.ศ.2497 แต่มิได้มาสมาคม ต่อมาปี 2512 จึงได้มีโอกาสมาสมาคมบ่อยครั้ง ได้สังเสวนากับคุณประทีป อัครา ก็เป็นที่ต้องอัธยาศัยกันตามประสาเพื่อน

     อาจารย์อรุณ ลำเพ็ญ มีนามปากกว่า "หมอเถา(วัลย์)" เกิดเมื่อวันที่ 24 เมษายน พ.ศ.2462 ปัจจุบันถึงแก่กรรมเมื่อปี พ.ศ.2534
  • จบประถมศึกษาโรงเรียนวัดจักรวรรดิ์ มัธยมศึกษาโรงเรียนมัธยมวัดบพิตรพิมุข 
  • อดีตหัวหน้าแผนกเดินเรือ บริษัทนิวอีสต์ เอเชีย จำกัด 
  • หัวหน้างานช่างการไฟฟ้า บริษัทไทยนิยม จำกัด
  • หุ้นส่วนผู้จัดการ บริษัทโรงพิมพ์ อำพลพิทยา จำกัด 
  • เจ้าของและผู้จัดการโรงเรียนสอนโหราศาสตร์ไทยระบบหมอเถา(วัลย์) ทางไปรษณีย์ 
  • เขียนตำราโหราศาสตร์ชื่อ "โฮ่ราสาด" โดยใช้นามปากกา "หมอเถา(วัลย์)" 
  • อุปนายกสมาคมโหรแห่งประเทศไทยในพระบรมราชินูปถัมภ์
ทั้งหมดนี้อ้างอิงจาก http://www.horathai.com/index.phplay=boardshow&ac=webboard_show&No=30634
http://payakorn.com/webboard_ans.php?q_id=22077&myflag=1&mypage=1

ไปอ่านเพิ่มเติมกันได้อีกที่นี้ครับ
http://www.horawej.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=377858&Ntype=3